ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นแก่นทอง จังหวัดขอนแก่น ความถี่ 144.750 MHz

ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่น => วิทยุสื่อสารและดวงดาวบนท้องฟ้า => ข้อความที่เริ่มโดย: E20ZSY- สระบุรี ที่ 04 สิงหาคม 2012, 11:38:05

หัวข้อ: ประวัติความเป็นมา เกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่นไทย
เริ่มหัวข้อโดย: E20ZSY- สระบุรี ที่ 04 สิงหาคม 2012, 11:38:05
กิจการวิทยุสมัครเล่นในประเทศไทย กิจการวิทยุสมัครเล่นในประเทศไทย ได้เริ่มด้วยกลุ่มผู้สนใจในกิจการวิทยุสมัครเล่น รวมตัวก่อตั้งสมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2507และได้พยายามขออนุญาต มีและใช้เครื่องวิทยุโทรคมนาคม สำหรับกิจการวิทยุสมัครเล่น ให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตเนื่องจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติยังไม่มั่นใจว่า กิจการวิทยุสมัครเล่นจะได้ประโยชน์ ตามวัตถุประสงค์ และการควบคุมจะทำได้เพียงใด เพื่อเป็นการส่งสริมกิจการวิทยุสมัครเล่นอีกทางหนึ่ง กรมไปรษณีย์โทรเลขจึงได้มีโครงการทดลองให้มีกิจการวิทยุสมัครเล่น ในรูปของ นักวิทยุอาสาสมัคร หรือ VR ขึ้น เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2524 กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้เปิดข่ายวิทยุอาสามัครขึ้นโดยจัดตั้งเป็นชมรมนักวิทยุอาสาสมัคร มีผู้อำนวยการกองต่าง ๆ สังกัดกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นคณะกรรมการชมรมฯ และอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นประธานชมรมฯ ผู้ที่จะเป็นสมาชิกจะต้องได้รับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น และต้องผ่านการสอบประวัติจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติและจากกรมตำรวจ ว่าไม่เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ เมื่อมีคุณสมบัติครบถ้วนแล้วกรมไปรษณีย์โทรเลขจะออกใบอนุญาตมีและใช้ เครื่องวิทยุโทรคมนาคมและอนุญาตให้เป็นนักวิทยุอาสาสมัครหรือ VR โดยการกำหนดสัญญาณเรียกขาน (CALL SIGN) ให้สัญญาณเรียกขานที่กำหนดขึ้น จะขึ้นต้นด้วย VR และตามด้วยตัวเลขจาก VR001 ไปตามลำดับก่อนหลัง เพื่อให้การกำกับดูแลการใช้วิทยุคมนาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ กรมไปรษณีย์โทรเลขจึงได้จัดตั้งศูนย์ควบคุมข่ายมีสัญญาณเรียกขานว่า "ศูนย์สายลม" ขึ้นที่บริเวณภายในกรมไปรษณีย์โทรเลขและอนุญาตให้ใช้ความถี่ได้เพียง 3 ช่องคือ 144.500 - 144.600 และ 144.700 MHz.
ในการเปิดสอบรุ่นแรกมีผู้สอบได้รับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น จำนวน 312 คน การใช้ช่องความถี่ในการติดต่อสื่อสารเริ่มหนาแน่นขึ้นเมื่อจำนวนสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2525 กรมไปรษณีย์โทรเลขได้เพิ่มความถี่ให้อีกหนึ่งช่องคือ 145.000 MHz เป็นช่องสำหรับแจ้งเหตุโดยศูนย์สายลมทำหน้าที่ประสานงานให้ระหว่างนักวิทยุสมัครเล่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ โดยนักวิทยุสมัครเล่นทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางราชการ ในกรณีที่นักวิทยุสมัครเล่นพบเห็นผู้กระทำความผิด ก็จะแจ้งให้ศูนย์สายลมทราบ เมื่อศูนย์สายลมรับข่าวแล้วจะทำหน้าที่กลั่นกรองเรียบเรียงข่าวนั้น ให้เป็นไปตามหลักการของการส่งข่าวที่ถูกต้องก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้นักวิทยุสมัครเล่นช่วยสังเกตผู้กระทำผิดกฎหมาย เช่น คดีรถหายหรือคดีชนแล้วหนีตำรวจแจ้งให้ศูนย์สายลมทราบ เพื่อกระจายข่าว ให้นักวิทยุสมัครเล่นได้ช่วยสังเกตและติดตามเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโครงการสายตรวจร่วมระหว่างนักวิทยุสมัครเล่นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้นักวิทยุสมัครเล่นเป็นผู้ใช้เครื่องวิทยุ
และความถี่วิทยุในย่านของกิจการวิทยุสมัครเล่น ในการติดต่อประสานงานและใช้ยานพาหนะของนักวิทยุสมัครเล่นออกตรวจตามถนนสายต่าง ๆ ในตอนกลางคืนโดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเห็นประโยชน์ ของกิจการวิทยุสมัครเล่น
ในปีพ.ศ. 2526 ได้มีการจัดตั้งสมาคมนักวิทยุอาสาสมัครขึ้น เพื่อให้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จากผลงานที่นักวิทยุสมัครเล่นในรูปของนักวิทยุอาสาสมัครได้รับการยอมรับว่ากิจการวิทยุสมัครเล่น
เป็นกิจการที่มีประโยชน์

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2530 กรมไปรษณีย์โทรเลขจึงได้อนุญาตให้มีกิจการวิทยุสมัครเล่น
ในประเทศไทยได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประสานงานการจัดและบริหารความถี่วิทยุแห่งชาติ (กบถ.) ซึ่งออกเป็นระเบียบของคณะกรรมการประสานงานการจัดและบริหารความถี่วิทยุแห่งชาติ
ว่าด้วยกิจการวิทยุสมัครเล่น พ.ศ. 2530 ผลของระเบียบนี้ทำให้ต้องมีการกำหนดสัญญาณเรียกขานให้เป็นตามสากล
เช่น VR001 เป็น HS1BA และ VR คนสุดท้ายคือ VR2953 ดังนั้นนักวิทยุสมัครเล่นทุกคนจะต้องมีสัญญาณเรียกขานสากล
ที่ขึ้นต้นด้วย HS ซึ่งหมายถึงประเทศไทย ตามด้วยเลข 1 ถึง 0 โดยตัวเลขในสัญญาณเรียกขานนั้นจะแสดงให้ทราบว่านักวิทยุสมัครเล่นคนนั้นอยู่ในเขตใด เช่น HS1 และ HS0 หมายถึงนักวิทยุสมัครเล่นภาคกลาง HS9 หมายถึงนักวิทยุสมัครเล่นที่อยู่ภาคใต้ เป็นต้น
และตามด้วยอักษร 2 ตัว และ 3 ตัวตามลำดับ

ปัจจุบันมีผู้สอบได้รับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้นแล้วจำนวนมากกว่า 160,000 คน และผู้ได้รับอนุญาต
มี CALL SIGN แล้วจำนวนมากกว่า 92,000 คน จำนวนช่องความถี่ที่ได้รับอนุญาตให้เพิ่มขึ้นเต็มย่านVHF จำนวน 81 ช่อง และเพื่อความรอบคอบในกรณีที่สัญญาณเรียกขานที่ขึ้นต้นด้วย HS จัดให้หมดแล้ว กรมไปรษณีย์โทรเลขได้ขอให้สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) กำหนดอักษรสำหรับ CALL SIGN ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นใหม่ ITU ได้กำหนดให้ใช้ E2 ซึ่งจะใช้แทน HS ต่อไป

กิจการวิทยุสมัครเล่นไทยได้สร้างเกียรติประวัติในการช่วยเหลือทางราชการในการแจ้งข่าว เมื่อเกิดพายุเกย์พัดเข้าบริเวณจังหวัดชุมพรและจังหวัดใกล้เคียงปลายปี พ.ศ. 2532 ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก เสาไฟฟ้าแรงสูงและสายอากาศวิทยุถูกพายุพัดล้ม เสียหายเป็นจำนวนมาก รวมทั้งระบบสื่อสารของทางราชการถูกตัดขาด
ไม่สามารถติดต่อกันได้ รัฐบาลได้ขอความร่วมมือนักวิทยุสมัครเล่นให้ช่วยติดต่อรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้น ให้รัฐบาลได้ทราบเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรมเหล่านั้น นักวิทยุสมัครเล่นได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้รัฐบาลสามารถทราบถึงความเดือดร้อนและความเสียหายของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลได้เห็นประโยชน์ของนักวิทยุเป็นอย่างดียิ่ง และยอมรับว่ากิจการวิทยุสมัครเล่นเป็นกิจการที่มีความสำคัญ ควรได้รับการสนับสนุนให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
   วัตถุประสงค์ของกิจการวิทยุสมัครเล่น

   กิจการวิทยุสมัครเล่นมีวัตถุประสงค์เพื่อ
   1.เสริมสร้างประโยชน์ต่อสังคมและความปลอดภัยของชาติ
   2.ใช้เป็นข่ายสื่อสารสาธารณะสำรองในยามฉุกเฉินหรือเกิดภัยพิบัติ
   3.พัฒนาความรู้ด้านวิชาการสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุ
   4.ฝึกฝนพนักงานวิทยุให้มีความรู้ความชำนาญยิ่งๆขึ้นไป
   5.เพิ่มพูนจำนวนพนักงานวิทยุสำรองไว้ใช้ประโยชน์ยามฉุกเฉิน
   6.สร้างชื่อเสียงของประเทศให้เป็นที่รู้จักในวงการวิทยุระหว่างประเทศ

   คุณสมบัติของพนักงานวิทยุสมัครเล่น

   พนักงานวิทยุสมัครเล่นต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
   1. มีสัญชาติไทย หรือสัญชาติอื่นที่กรมไปรษณีย์โทรเลข (สำนักงาน กทช.ในปัจจุบัน) กำหนด
   2. ได้รับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่น ซึ่งกรมไปรษณีโทรเลข (สำนักงาน กทช.ในปัจจุบัน) ออกให้ หรือประกาศนียบัตรซึ่งกรมไปรษณีย์โทรเลขเทียบเท่า

   ประเภทของพนักงานวิทยุสมัครเล่น
   พนักงานวิทยุสมัครเล่นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
   1. พนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น
   2. พนักงานวิทยสมัครเล่นขั้นกลาง
   3. พนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นสูง

   ผู้ที่ประสงค์จะเป็นพนักงานวิทยุสมัครเล่นประเภท ต่าง ๆ จะต้องสอบได้ประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นประเภทนั้น ๆ หรือ มีประกาศนียบัตรที่กรมไปรษณีย์โทรเลขเทียบเท่า และยื่นขอรับใบอนุญาตพนักงานวิทยุสมัครเล่นจากกรมไปรษณีย์โทรเลข สำหรับผู้ที่ประสงค์จะสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นกลาง จะต้องสอบประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้นได้ก่อน และ ผู้ที่ประสงค์จะสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นสูง จะต้องสอบประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นกลางและขั้นต้นได้แล้ว ซึ่งทางกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นผู้ดำเนินการจัดสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นประเภทต่าง ๆ โดยใช้หลักสูตรตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนด และกรมไปรษณีย์โทรเลขจะเป็นผู้ออกประกาศนียบัตร พนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้นแก่บุคคลบางประเภทตามที่ตามที่คณะกรรมการจะกำหนด

   จะเป็นนักวิทยุสมัครเล่นต้องทำอย่างไร
   การสมัครและการเตรียมตัวสอบ
   1. คุณสมบัติ
   ผู้ที่จะสอบเป็นนักวิทยุสมัครเล่นได้ ต้องมีสัญชาติไทย ต้องไม่เคยสอบผ่านมาก่อนและไม่เป็นพระภิกษุสามเณร
   2. การซื้อใบสมัครและคู่มือการสอบ การเข้าสอบ
   2.1 ซื้อใบสมัครสอบได้ที่
   2.1.1 กรมไปรษณีย์โทรเลข (สำนักงาน กทช.) ซอยพหลโยธิน8 (ซอยสายลม) โทร.271-0151-60 ติดต่อแผนกฝ่ายใบอนุญาต
   2.1.2 ร้านจำหน่ายวิทยุสื่อสารทั่วไปที่อยู่ใกล้บ้าน
   2.1.3 ซื้อใบสมัครและสมัครสอบที่ศูนย์/สถานีตรวจสอบเฝ้าฟังวิทยุของ กรมไปรษณีย์โทรเลขส่วนภูมิภาค
   2.1.4 สั่งซื้อทางไปรษณีย์ โดยเขียนชื่อ นามสกุล และที่อยู่ ในลักษณะจ่าหน้าซองถึง ตัวท่านเองอย่างชัดเจน ลงในแผ่นกระดาษ 5 X 10 เซนติเมตร เพื่อใช้ปิดหน้าซองที่จะส่งคู่มือ แนะนำการสอบไปยังผู้ซื้อ ส่งพร้อมธนาณัติ (ไม่รับเงินสด ตั๋วแลกเงินหรือเช็คธนาคาร) สั่งจ่าย ปท.สามเสนใน ในนามผู้อำนวยการสวัสดิการกรมไปรษณีย์โทรเลข มายัง ตู้ ปณ.248 สามเสนใน กทม. 10400 และวงเล็บด้านล่างว่า "สั่งซื้อคู่มือ" สามารถสั่งซื้อหนังสือข้อสอบกลางของกรมไปรษณีย์ โทรเลขได้พร้อมกัน
   ค่าใบสมัครสอบและคู่มือสอบ 70 บาท
   ค่าหนังสือข้อสอบกลาง 120 บาท
   3. หลักฐานการสมัคร
   ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน , สำเนาทะเบียนบ้าน , รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 3 รูป , ( ค่าใบสมัครสอบ 70 บาท , ค่าสมัครสอบ 200 บาท , หนังสือข้อสอบ -กลาง 120 บาท รวม 390 บาท ) ซื้อได้ที่กองใบอนุญาต ชั้น 1
   4. ท่านจะสามารถสมัครสอบที่ใดก็ได้ตามที่สะดวก
   (ตามตารางกำหนดสอบที่แนบมากับใบสมัคร) แต่นามเรียกขานจะยึดถือตามทะเบียนบ้านเป็นหลัก หรือสมัครสอบทางไปรษณีย์ แต่เวลาสอบต้องไปสอบ ณ สถานที่ตามตารางที่กรมฯ จัดสอบให้เท่านั้นไม่มีการสอบผ่านทางไปรษณีย์
   5. เมื่อถึงกำหนดวันสอบต้องไปตามสถานที่ที่กรมไปรษณีย์ กำหนดไว้

   เนื้อหาที่สอบ

   หลักสูตรการสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น
   วิชาที่ 1 ความรู้ทั่วไป กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่น
   1.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกิจการวิทยุสมัครเล่น องค์กรระหว่างประเทศ
   และข้อบังคับวิทยุระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
   1.2 ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 กฎกระทรวงคมนาคมและประกาศกรมไปรษณีย์โทรเลขที่เกี่ยวข้อง
   1.3 ความรู้เกี่ยวกับระเบียบคณะกรรมการประสานงานการจัดและบริหารความถี่วิทยุแห่งชาติ
   ว่าด้วยกิจการวิทยุสมัครเล่น พ.ศ. 2530
   1.4 ความรู้เกี่ยวกับการกำหนดสัญญาณเรียกขานสำหรับประเทศไทย และระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง

   วิชาที่ 2 การติดต่อสื่อสารของนักวิทยุสมัครเล่น
   2.1 ประมวลรหัส Q
   2.2 การรายงานสัญญาณระบบ RST
   2.3 การอ่านออกเสียงตัวอักษร
   2.4 คำเฉพาะและคำย่อต่าง ๆที่ควรรู้
   2.5 การปฏิบัติและมารยาทในการเรียกขาน และการติดต่อสื่อสาร
   2.6 การรับและแจ้งเหตุฉุกเฉิน
   2.7 สมุดบันทึกการติดต่อสื่อสาร

   วิชาที่ 3 ทฤษฎีต่าง ๆ สำหรับนักวิทยุสมัครเล่น
   3.1 ทฤษฎีไฟฟ้า
   - คำนำหน้าหน่วย
   - ตัวนำไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า
   - แหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าแบบต่าง ๆ
   - คุณสมบัติของแบตเตอรี่แบบต่าง ๆ
   - แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ตัวต้านทาน กำลังไฟฟ้า และกฎของโอห์ม
   - การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม และแบบขนาน
   - ไฟฟ้ากระแสตรง และไฟฟ้ากระแสสลับ
   - ตัวเก็บประจุไฟฟ้า ตัวเหนี่ยวนำไฟฟ้า และการต่อแบบอนุกรม และแบบขนาน
   - คาปาซิตีฟรีแอกแตนซ์ อิมพีแดนซ์ และรีโซแนนซ์
   - หม้อแปลงไฟฟ้า
   - สัญลักษณ์ของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ควรรู้
   - เดซิเบล
   3.2 ทฤษฎีอิเล็กทรอนิกส์
   - หน้าที่โดยสังเขปและสัญลักษณ์ของอุปกรณ์บางอย่าง ได้แก่ ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ผลึกแร่ ไมโครโฟน ลำโพง หลอดวิทยุ และไอซี
   3.3 หลักการทำงานของเครื่องรับ-ส่งวิทยุ
   - หน้าที่ของภาคต่าง ๆ ในเครื่องรับ/ส่งวิทยุแบบ TRF และแบบซุปเปอร์เฮเทอโรดายน์
   - AM และ FM
   - คุณสมบัติของเครื่องรับ/ส่งวิทยุ
   - ซิมเพล็กซ์ ฟูลดูเพล็กซ์ และเซมิดูเพล็กซ์
   3.4 สายอากาศและสายนำสัญญาณ
   - คุณสมบัติของคลื่นวิทยุ
   - ความถี่และความยาวคลื่น
   - โพลาไรเซชั่น
   - คุณสมบัติของสายอากาศ
   - สายอากาศพื้นฐานที่ควรรู้
   - สายนำสัญญาณแบบต่าง ๆ และคุณสมบัติที่ควรรู้
   - SWR และการแมทช์
   - บาลัน
   3.5 การแพร่กระจายคลื่น
   - การแบ่งย่านความถี่
   - ลักษณะการแพร่กระจายคลื่นของย่านความถี่ต่าง ๆ
   - องค์ประกอบที่มีผลต่อระยะการรับ/ส่งในย่าน VHF
   วิชาที่ 4 หลักปฏิบัติของนักวิทยุสมัครเล่น
   4.1 ข้อพึงระวังเรื่องความปลอดภัย
   4.2 การใช้เครื่องมือวัดและอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ
   4.3 สาเหตุและการลดปัญหาการรบกวน
   
   หมายเหตุ วิธีการสอบ
   ทดสอบความรู้ความเข้าใจในวิชาต่าง ๆ ตามหลักสูตรการสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้นของกรมไปรษณีย์โทรเลข ด้วยวิธีการสอบข้อเขียนโดยข้อสอบจะเป็นปรนัยจำนวน 100 ข้อ ที่นำมาจากหนังสือข้อสอบกลางพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น ซึ่งจัดพิมพ์โดยสวัสดิการกรมไปรษณีย์โทรเลข

   เกณฑ์การตัดสิน
   
   เกณฑ์การตัดสินในการสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้นนั้นได้กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะถือว่าเป็นผู้สอบได้รับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น ต้องเป็นผู้ที่สอบได้คะแนนตามหลักสูตรการสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้นของกรมไปรษณีย์โทรเลข ไม่ต่ำกว่าร้อยละหกสิบ
   
   ข้อกำหนดทางเทคนิคของสถานีวิทยุสมัครเล่น

   ให้ใช้ความถี่ในย่าน 144 -146 MHz ตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนด
      - สถานีวิทยุสมัครเล่น ควบคุมข่ายให้ใช้กำลังส่งไม่เกิน 60 วัตต์
      - สถานีวิทยุสมัครเล่นชนิดติดตั้งประจำที่ หรือติดตั้งในรถยนต์ ให้ใช้กำลังส่งไม่เกิน 10 วัตต์
      - และเครื่องมือถือให้มีกำลังส่งไม่เกิน 5 วัตต์ให้ใช้ความถี่ในย่าน 144-146 MHz ตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนด
      - สถานีวิทยุสมัครเล่น ควบคุมข่ายให้ใช้กำลังส่งไม่เกิน 60 วัตต์
      - สถานีวิทยุสมัครเล่นชนิดติดตั้งประจำที่ หรือติดตั้งในรถยนต์ ให้ใช้กำลังส่งไม่เกิน 10 วัตต์
      และเครื่องมือถือให้มีกำลังส่งไม่เกิน 5 วัตต์

    ข้อกำหนดทางเทคนิคของสถานีวิทยุสมัครเล่นขั้นกลาง

   - ให้ใช้ความถี่ต่อไปนี้ ย่าน 144 - 146 Mhz ตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนด
      ย่าน 7,000 - 7,100 KHz ย่าน 14,000 - 14,350 KHz ย่าน 21,000 - -21,450 KHz ย่าน 28,000 - -29,700 KHz ให้ใช้กำลังส่งตามที่ กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนด
      - รับ - ส่ง ข่าวสารประเภทเสียงและสัญญาณโทรเลขรหัสมอร์ส ตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนด

   ข้อกำหนดทางเทคนิคของสถานีวิทยุสมัครเล่นขั้นสูง

   - ให้ใช้ความถี่ต่อไปนี้ ย่าน 144 - 146 Mhz ตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนด
      ย่าน 7,000 - 7,100 KHz ย่าน 14,000 - 14,350 KHz ย่าน 21,000 - -21,450 KHz ย่าน 28,000 - -29,700 KHz ให้ใช้กำลงส่งตามที่ กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนดสูงกว่าขั้นกลาง
      -รับ - ส่ง ข่าวสารประเภทเสียงและสัญญาณโทรเลขรหัสมอร์ส ความเร็วสูงกว่าขั้นกลาง ตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขกำหนด
     สัญญาณเรียกขาน (Call Sign)
   
   ข้อกำหนดของสัญญานเรียกขาน

   ตามกฎข้อบังคับ วิทยุระหว่างประเทศกำหนด ให้สถานีวิทยุคมนาคม ให้สัญญาณเรียกขาน (Call Sign) เพื่อประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งจะทำให้ทราบว่าเป็นสัญญาณมาจากสถานีใด เป็นสถานีในกิจการประเภทใด และเป็นของประเทศใด หรืออยู่ในพื้นที่ใดของประเทศ เช่น HSA - HAZ และ E2A - E2Z คืออักษรขึ้นต้นสัญญาณ เรียกขานระหว่างประเทศสำหรับ ประเทศไทย เป็นต้น กรมไปรษณีย์โทรเลข จะเป็นผู้กำหนดสัญญาณเรียกขาน
   สำหรับนักวิทยุสมัครเล่นในประเทศไทย โดยใช้รูปแบบที่ระบุ ในข้อบังคับวิทยุระหว่างประเทศ และกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
   HS n X
   HS n XX
   HS n XXX
   จากรหัสข้างต้นนั้น มีความหมายตาม อักษรดังนี้

   HS หมายถึง ระบุว่าเป็นประเทศไทย ตามข้อบังคับวิทยุระหว่างประเทศ เป็นรหัสเก่า ที่ยังเหลือใช้อยู่
   n หมายถึง ตัวเลข 0 ถึง 9 ใช้ระบุว่าอยู่ในเขตพื้นที่ใดของประเทศไทย
   พยัญชนะ 1 ตัว หรือ 2 ตัว หรือ 3 ตัว มีรายละเอียดดังนี้
   X - ใช้สำหรับระดับ VIP สูงสุดของประเทศ
   XX - ใช้เรียงตามลำดับจาก AA - ZZ ยกเว้น AA - AZ ซึ่งสำรองไว้สำหรับสถานีกรณีพิเศษ เช่น สถานีทวนสัญญาณ (beacon), สถานีของชมรม หรือสมาคม (Club Station) และ สถานีชั่วคราวเฉพาะกิจ และยกเว้น CQ, HS
   XXX - ใช้เรียงตามลำดับจาก AAA - ZZZ ยกเว้น DDD ,QAA - QZZ , SOS และ TTT

   E2 n X
   E2 n XX
   E2 n XXX

   จากรหัสข้างต้นนั้น มีความหมายตาม อักษรดังนี้

   E2 หมายถึง ระบุว่าเป็นประเทศไทย ตามข้อบังคับวิทยุระหว่างประเทศ เป็นรหัสใหม่ ทีมีใช้กันแล้ว ในบางพื้นที่
   n หมายถึง ตัวเลข 0 ถึง 9 ใช้ระบุว่าอยู่ในเขตพื้นที่ใดของประเทศไทย
   พยัญชนะ 1 ตัว หรือ 2 ตัว หรือ 3 ตัว มีรายละเอียดดังนี้
   X - ใช้สำหรับระดับ VIP สูงสุดของประเทศ
   XX - ใช้เรียงตามลำดับจาก AA - ZZ ยกเว้น AA - AZ ซึ่งสำรองไว้สำหรับสถานีกรณีพิเศษ เช่น สถานีทวนสัญญาณ (beacon), สถานีของชมรม หรือสมาคม (Club Station) และ สถานีชั่วคราวเฉพาะกิจ และยกเว้น CQ, HS
   XXX - ใช้เรียงตามลำดับจาก AAA - ZZZ ยกเว้น DDD ,QAA - QZZ , SOS และ TTT
   
   การแบ่งเขตสัญญาณเรียกขานในประเทศ
   
   สัญญาณเรียกขานแบ่งกลุ่มตามพื้นที่
   
   1. สัญญาณเรียกขาน "HS 1 XXX" และ HS 2 XXX" มี 10 จังหวัด
   กรุงเทพมหานคร ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง
   2. สัญญาณเรียกขาน "HS 2 XXX" มี 7 จังหวัด
   จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง
   3. สัญญาณเรียกขาน "HS 3 XXX" มี 7 จังหวัด
   ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี
   4. สัญญาณเรียกขาน "HS 4 XXX" มี 10 จังหวัด
   กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร นองคาย อุดรธานี
   5. สัญญาณเรียกขาน "HS 5 XXX" มี 9 จังหวัด
   เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์
   6. สัญญาณเรียกขาน "HS 6 XXX" มี 8 จังหวัด
   กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุทัยธานี
   7. สัญญาณเรียกขาน "HS 7 XXX" มี 8 จังหวัด
   กาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี
   8. สัญญาณเรียกขาน "HS 8 XXX" มี 7 จังหวัด
   กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี
   9. สัญญาณเรียกขาน "HS 9 XXX" มี 7 จังหวัด
   ตรัง นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล

   สัญญาณเรียกขานใหม่
   
   การแบ่งเขตนามเรียกขานใหม่
   
   เขต 1 HS0, HS1 ใช้สัญญาณเรียกขาน E20 E21 E22 E23 E24 E25 E26
   เขต 2 HS2 ใช้สัญญาณเรียกขาน E27
   เขต 3 HS3 ใช้สัญญาณเรียกขาน E27
   เขต 4 HS4 ใช้สัญญาณเรียกขาน E27
   เขต 5 HS5 ใช้สัญญาณเรียกขาน E28 - E22
   เขต 6 HS6 ใช้สัญญาณเรียกขาน E28 - E23
   เขต 7 HS7 ใช้สัญญาณเรียกขาน E29
   เขต 8 HS8 ใช้สัญญาณเรียกขาน E29 - E24
   เขต 9 HS9 ใช้สัญญาณเรียกขาน E29 - E23

    ข้อห้ามต่างๆ ในกิจการวิทยุสมัครเล่น

   กิจการวิทยุสมัครเล่น มีข้อห้ามดังต่อไปนี้
         
         - ติดต่อกับสถานีวิทยุสมัครเล่นในประเทศที่ไม่อนุญาตให้มีกิจการวิทยุสมัครเล่น
         
         - ใช้รหัสลับในการติดต่อสื่อสารนอกเหนือไปจากประมวลคำย่อสากล ที่ใช้ใน กิจการวิทยุสมัครเล่น
         
         - รับส่งข่าวสาร ที่นอกเหนือไปจากกิจการวิทยุสมัครเล่น เช่น การส่งข่าวทาง ธุรกิจ การค้า
         
         - การส่งข่าวสารที่ต้องพึ่งบริการ โทรคมนาคม
         
         - การจ้างวานรับส่งข่าวสารไปยังบุคคลที่สาม
         
         - การใช้ถ้อยคำหยาบคายไม่สุภาพในการติดต่อ
         
         - การรับส่งข่าว อันมีเนื้อหาละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมือง
         
         - ส่งเสียงดนตรี รายการบันเทิง และรายการโฆษณาทุกประเภท
         
         - จงใจกระทำให้เกิดการรบกวน ต่อการสื่อสารของสถานีอื่น ๆ เช่น การส่งสัญญาณคลื่นรบกวนประเภทต่าง ๆ
         
         - ติดต่อกับ สถานีที่ไม่ได้รับอนุญาต
         
         - ใช้สัญญาณเรียกขานปลอม หรือแอบอ้างใช้สัญญาณเรียกขานของผู้อื่น
         
         - แย่งใช้ช่องสัญญาณติดต่อสื่อสาร
         
         - ยินยอมให้ผู้อื่นที่ไม่มีใบอนุญาต ใช้สถานีหรือเครื่องวิทยุ
         
         - กระทำผิดกฎหมายวิทยุคมนาคม หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
หัวข้อ: Re: ประวัติความเป็นมา เกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่นไทย
เริ่มหัวข้อโดย: HS4YQG ที่ 04 สิงหาคม 2012, 12:22:08
ดีมากเลยครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ประวัติความเป็นมา เกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่นไทย
เริ่มหัวข้อโดย: kaentong ที่ 04 สิงหาคม 2012, 20:08:20
ขอบคุณครับ