ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นแก่นทอง จังหวัดขอนแก่น ความถี่ 144.750 MHz

สถานที่ท่องเที่ยวและคลังแห่งการเรียนรู้ทางพุทธศาสนา => พระเถรานุเถระ พระเกจิอาจารย์ และองค์ปู่ฤาษี => ข้อความที่เริ่มโดย: ตามรอยพุทธ ที่ 02 เมษายน 2013, 20:42:19

หัวข้อ: หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
เริ่มหัวข้อโดย: ตามรอยพุทธ ที่ 02 เมษายน 2013, 20:42:19
(http://upic.me/i/tn/ui3k2.jpg) (http://upic.me/show/44105633)

"หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร"

หลังจากที่ "หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร" เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แล้ว ก็ไม่ได้เรียนต่อ ต้องออกมาช่วยเหลือโยมมารดาทำนาทำไร่ และงานบ้าน เลี้ยงควาย จนอายุได้ 17 ปี จึงได้มาบวชเป็นสามเณรอยู่กับหลวงน้า คือพระอาจารย์สิงห์ ผู้เป็นน้องชายของโยมมารดา โดยบวชในสังกัดฝ่ายมหานิกาย หรือที่เรียกว่า “วัดบ้าน” บวชได้ 1 พรรษา พอจวนจะเข้าพรรษาที่ 2 ซึ่งเหลือเวลาเพียง 1 เดือน โยมมารดาก็ขอร้องให้สึกออกมาช่วยเหลือทำงานบ้าน เพราะโยมมารดาสุขภาพไม่ดี ท่านจึงต้องลาสิกขาออกมาช่วยโยมมารดาทำงาน และได้สมัครทำงานเป็นคนขายหินทำทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-สุรินทร์

เมื่อหลวงปู่อายุย่าง 18-20 ปี โยมมารดาจะขอผู้หญิงให้ตั้งหลายครั้ง แต่ท่านก็ปฏิเสธทุกครั้งไม่ยอมมีครอบครัว เพราะดูคนทั้งหลายแล้วมีความทุกข์ วิตกกังวลแทบทั้งสิ้น ยากที่จะทำจิตของตนให้ผ่องแผ้วได้ ท่านระลึกอยู่ว่า บวชจึงจะมีสุขหนอ การมีชีวิตอยู่อย่างฆราวาสนี้มีแต่ทุกข์ วิตกกังวลไม่สิ้นสุด มีแต่ความรุ่มร้อนเหมือนฝุ่นละอองมาจากทิศต่างๆ มีเต็มอากาศไม่รู้ว่าจะหนีไปทิศใดได้ มีแต่จะคลุกเคล้าละอองพิษลงสู่ใจ ใจก็มีแต่ความเศร้าหมอง เพราะท่านเห็นโทษของกามคุณ ถ้าผู้ใดกำลังเสพกามารมณ์อยู่เสมือนบริโภคเหล็กเผาไฟแดงๆ อยู่

จิตของท่านจึงรำลึกน้อมไปถึงการอุปสมบท ท่านจึงเอาความดำริในใจนี้เล่าสู่โยมมารดาฟังว่าท่านอยากบวช โยมมารดาของท่านจึงได้อนุโมทนาและอนุญาตให้ออกบรรพชาอุปสมบทได้ ครั้นอายุได้ 21 ปี จึงขออนุญาตโยมมารดาบวชเป็นพระฝ่ายมหานิกาย โดยมีพระอาจารย์สิงห์ เป็นภาระรับไปดำเนินการให้ทุกอย่าง ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในเรื่องของการศึกษาธรรม ท่านจึงมีความปรารถนาที่จะเรียนด้านพระปริยัติธรรม แต่เนื่องจากการศึกษาธรรมะในสมัยนั้น วัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือวัดเลียบ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ กนุตสีโล เคยพำนักมาก่อน

แต่เนื่องจากท่านเป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกาย จึงค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะวัดเลียบเป็นวัดธรรมยุต ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์สิงห์ (ไม่ใช่พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา) ซึ่งเป็นหลวงน้าของท่าน ได้รับภาระนำไปฝาก ท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก เจ้าอาวาสวัดเลียบ ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่าจะต้องญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต พอได้ฟังดังนั้นหลวงปู่ก็ดีใจเป็นอันมาก ในการบวชใหม่ครั้งนี้ มีท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระมหาสว่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “สิริธโร” โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 เวลา 10.00 น. ณ วัดเลียบ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

หลังจากที่ได้ญัตติเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุตแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจเล่าเรียนข้อวัตรปฏิบัติ จนเป็นที่เล่าลือว่าท่านเก่งมาก เพียงเวลาไม่นานท่านก็สอบไล่นักธรรมชั้นตรี โท เอก ได้ตามลำดับ และในปี พ.ศ. 2478 ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดบูรพา อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พำนักอยู่สมัยปฏิบัติธรรมเริ่มแรก จากนั้นในปี พ.ศ. 2479 ก็ได้เดินทางเข้าไปศึกษาหาความรู้ในกรุงเทพมหานคร จำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน อยู่ไม่นานก็สอบได้เปรียญ 3 ประโยค ท่านมีความแตกฉานในพระปริยัติธรรมมาก

หลังจากหลวงปู่อุปสมบทได้เพียง 2 พรรษา โยมมารดาก็ได้ถึงแก่กรรม ในระหว่างนั้นจิตก็วิตกกังวลไปต่างๆ ท่านได้พิจารณาเห็น “อนิจจัง” ต่อมาท่านอยากจะออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเดินทางกลับมายังภาคอีสาน แล้วก็ตั้งหน้าปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

พ.ศ. 2490-2494 จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านห้วยทราย (วัดป่าวิเวกวัฒนาราม) อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ กนุตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต, หลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร, หลวงปู่มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ฯลฯ เคยจำพรรษาพำนักปฏิบัติธรรมมาก่อน

พ.ศ. 2495-2500 จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านม่วง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

พ.ศ. 2501-2503 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองบัว อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2504-2505 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านเหล่า อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

พ.ศ. 2506-2508 จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านท่าสำราญ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย

พ.ศ. 2509-2519 จำพรรษาอยู่ที่วัดในเขตจังหวัดเลยหลายวัด เช่น วัดถ้ำเต่า, วัดบ้านหมากแข้ง ฯลฯ

พ.ศ. 2520-2530 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าภูทอง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

พ.ศ. 2531-2532 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าศรีโพธิ์ทอง อำเภอพนนไพร จังหวัดร้อยเอ็ด

พ.ศ. 2533 จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองเกาะ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์

พ.ศ. 2534-2535 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม